พระกริ่ง ขุนพันธรักษ์

พระกริ่งภูธราวดี รุ่นพยัคฆ์ทักษิณ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ปี2546เนื้อเงินโบราณ สร้างแค่300องค์ ใต้ฐานบรรจุผงมหาว่านและหนังเสือสมิง (ขุนพันธ์กำราบด้วยอาคมกระสุนคด) พุทธาคมสายเขาอ้อเต็มสูตร หายากสุดๆ 1องค์อยู่ที่นี่แล้ว อีก299องค์กระจายไปทั่วประเทศ ยิ่งเพิ่มความหายากเข้าไปอีก ชอบรีบทักมานะครับ เงินพอหาได้ทุกวัน แต่พระมีองค์เดียวพลาดแล้วจะเสียใจ
*-*ขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นบุคคลที่มีค่าของแผ่นดินเมืองใต้และเมืองไทย ลมหายใจของท่านเคยโลดแล่นอยู่ท่ามกลางหมู่โจรผู้ร้าย ไม่เฉพาะแต่ผู้ร้ายในภาคใต้เท่านั้น แต่ที่ไหนประชาชนเดือดร้อนจากโจรผู้ร้ายชุกชุม ตำรวจคนอื่นปราบปรามไม่สำเร็จ กรมตำรวจจะต้องส่งตัวขุนพันธ์ฯ ไปปราบปรามทุกถิ่นที่มี
ครั้งหนึ่งท่านเป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธรเขต 8 ท่านเคยเดินทางมาตรวจสืบราชการลับที่เกาะสมุย ขุนพันธ์ฯ ท่านชอบดูมวย วันนั้นท่านไปยืนดูมวยอยู่ข้างเวที บังเอิญถอยหลังไปเหยียบเท้านางพล้อยเข้าโดยไม่ตั้งใจ ป้าพล้อยแกเป็นคนปากจัด ใครแตะเป็นด่าไม่ไว้หน้า แกก็ด่าขุนพันธ์ฯ ขุนพันธ์ฯ ก็วางเฉยไม่โต้ตอบอะไร มีคนรู้จักกันเข้าไปเตือนสติป้าพล้อยว่า "คนที่ป้าด่าอยู่นั้นรู้มั๊ยว่าเป็นใคร...นั่นแหละขุนพันธ์ฯ" พอได้ยินชื่อขุนพันธ์ฯเท่านั้น ป้าพล้อยแกเงียบเป็นเป่าสาก รีบก้มหน้างุดๆ เดินมุดผู้คนหนีไปโดยไม่เหลียวหลังมาอีกเลย คำบอกเล่าสั้นๆนี้ทำให้เห็นว่า ขุนพันธ์ฯ ท่านมีตบะสูง เพียงได้ยินว่าเป็นขุนพันธ์เท่านั้น ใคร ๆ ก็ขยาดทั้งนั้น
สมัยที่ขุนพันธ์ฯ กลับมาอยู่เมืองนครศรีธรรมราช ก็มีเรื่องเล่ากันว่า ตอนนั้นมีเสือใหญ่อยู่ 10 คน ในจำนวนเสือร้าย 10 คนนั้น มีเสือข่อย เสือจ้อย เสือหวน ฯลฯ รวมอยู่ด้วย เสือทั้ง 10 คนนั้น ล้วนเคยเป็นศิษย์หลวงพ่อช่วย เมืองนครศรีธรรมราช ผู้ซึ่งเป็นพระมีวิชาเก่งกล้าทางกฤตยาคม ขุนพันธ์ฯ เคยเรียนวิชาด้วยผู้หนึ่ง
เมื่อท่านขุนพันธ์ฯ กลับมาอยู่ในตำแหน่งสำคัญระดับภาค ท่านมีประกาศิตสั่งให้ผู้ร้ายทั้ง 10 คนนั้น เลิกประพฤติเยี่ยงโจร ให้กลับใจเลิกเป็นเสือเสีย โดยให้บวชเป็นพระภิกษุ ถ้าหากไม่ทำตามคำขอร้องนั้น ขุนพันธ์ฯ ก็จะยิงทิ้งทุกคน เล่ากันว่าประกาศิตของขุนพันธ์ฯ ทำให้เสือร้ายส่วนใหญ่ปฏิบัติตามแต่โดยดี มีเพียงเสือข่อยเพียงรายเดียวเท่านั้นที่ไม่ยอมทำตามคำของขุนพันธ์ฯ
เสือข่อยไม่ยอมเลือกทางเดินที่ท่านเลือกให้ ซ้ำร้ายยิ่งท้าทายอำนาจของกฎหมายบ้านเมือง ด้วยความเชื่อว่าตนนั้นเป็นศิษย์หลวงพ่อช่วย ผู้เรืองวิชาอาคมแก่กล้า เป็นลูกศิษย์อาจารย์เดียวกับขุนพันธ์ฯ จึงคิดว่าขุนพันธ์จะยกเว้นไว้สักคนหนึ่ง แต่ปรากฏว่า ขุนพันธ์ฯ ทำตามที่พูด ว่ากันว่าท่านยิงเสือข่อย แต่ยิงไม่เข้า จึงสั่งให้ลูกน้องฆ่าด้วยศูลแทงสวนทวารจนถึงแก่ความตาย
ตำนานอมตะของวีรบุรุษเล็กพริกขี้หนูที่มีนามว่า "นายร้อยบุตร พันธรักษ์ราชเดช" หรือขุนพันธรักษ์ราชเดช ท่านเป็นบุคคลที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ว่าตำแหน่งใด ยศใด ยกย่อง นับถือและกล่าวถึง เนื่องจากท่านเป็นแบบอย่างที่ดีของตำรวจ
ท่านขุนพันธ์ฯ ได้จัดสร้างพระเครื่องมงคลวัตถุรุ่นนี้ เพื่อถวายบูชาพระคุณสำนักฯ และหาปัจจัยเป็นทุนบูรณะปฎิสังขรณ์เสนาสนะในวัดเขาอ้อ มีการจัดสร้างทั้งหมด 4 แบบด้วยกัน คือ
1. พระกริ่งภูธราวดี ย้อนยุคปี 2506
2. พระปิดตาหลังดอกจันทน์
3. พระปิดตาจัมโบ้ และ
4. ตะกรุดหนังเสือสมิง
พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นเจ้าพิธี โดยได้ทำพิธีขอบารมีครูบาอาจารย์ ทำพิธีเจิมและอธิษฐานจิตประจุพุทธาคม และประกอบพิธีพุทธาภิเษกอย่างยิ่งใหญ่ เข้มขลังตามตำรับเขาอ้อ โดย
ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช วันที่ 21 ส.ค. 46
ณ วัดมะม่วงขาว จ.นครศรีธรรมราช วันที่ 26 ส.ค. 46
ณ วัดดอนศาลา โดยพระอาจารย์อุทัย ได้ปลุกเสกเดี่ยว 3 คืน พร้อมเหล่าเกจิคณาจารย์ร่วมปลุกเสก
พระกริ่งภูรธราวดีย้อนยุค เนื้อเงินโบราณ สร้างจำนวน 300 องค์ ใต้ฐานบรรจุผงมหาว่านปิดด้วยหนังเสือสมิง เป็นเสือสมิงลายพาดกลอนตัวใหญ่ ที่พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เมื่อตอนรับราชการเป็นนายตำรวจ ออกไล่ล่าตามคำร้องทุกข์ของชาวบ้าน เนื่องจากเป็นเสือสมิงจึงดุร้ายล่องหนหายตัวได้ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช จำเป็นต้องใช้วิชากระสุนคด ที่เรียนมาจากพระอาจารย์เอียด จึงสมารถจัดการได้ ซึ่งวิชากระสุนคดคือการยิงกระสุน โดยไม่ต้องเห็นเป้าหมาย แต่กระสุนจะคดเคี้ยวเลี้ยวเข้าหาเป้าหมายได้เอง ท่านได้นำหนังเสือผีนนี้ไปรองนั่งในพิธีต่าง ๆ และได้หนังเสือสมิงให้พระอาจารย์เอียดถอนอาถรรพ์ และประจุสุดยอดพุทธาคมอันเข้มขลังลงในหนังเสือผืนนี้ (ขอขอบคุณ แหล่งข้อมูลต่าง ๆ และขออนุญาติเผยแพร่เกียรติคุณของครูบาอาจารย์ ด้วยความเคารพ)